วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2559

วัดสักใหญ่

วัดสักใหญ่ เป็นวัดเก่าแก่ สร้างขึ้นโดยพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ร่วมกับบรรพบุรุษในท้องถิ่นนี้ จัดสร้างวัดสักใหญ่ขึ้นเมื่อพุทธศักราช 2317 วัดสักใหญ่มีคำขวัญประจำวัดว่า “หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ ภาพพุทธประวัติล้ำค่า อุทยานปลาน่าชม เดินทางสวนผลไม้และไม้ดอกงามตา" จากคำขวัญทำให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนพอจะทราบได้ว่าสิ่งที่น่าสนใจในวัดได้แก่อะไรบ้าง
เริ่มจากพระพุทธรูปที่มีชื่อเสียงของวัด หลวงพ่อสุโขทัย  ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่งามยิ่งองค์หนึ่ง สันนิษฐานว่าสร้างประมาณปี พ.ศ. 1900-2000 เป็นพระพุทธรูปตอนปลายสมัยพระมหาธรรมราชา มีลักษณะสวยงาม สมสัดส่วน กล่าวคือมีพระพักตร์คล้ายใบหน้าสตรี ประทับนั่งขัดสมาธิราบปางมารวิชัย องค์พระถูกห่อหุ้มด้วยปูน สันนิษฐานว่าเมื่อคราวพม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา ประชาชนตลอดจนพระภิกษุช่วยกันพอกปูนเพื่อให้พม่าคิดว่าเป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ต่อมาปูนที่ได้พอกพระพุทธรูปได้กะเทาะออก ส่งผลให้เห็นทองอยู่ด้านใน จึงทำการกะเทาะปูนออกและลงรักปิดทองใหม่ โดยมีพุทธศาสนิกชนนิยมมากราบไหว้ สรงน้ำ และปิดทองเป็นประจำทุกปี
ภายในอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อใหญ่  ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นมาพร้อมกับการสร้างวัดสักใหญ่ นอกจากนี้ยังมีภาพพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าเปิดโลก และพระบรมธาตุที่สำคัญของเมืองไทยให้ได้ชม
ส่วนอุทยานปลาน่าชมเป็นอุทยานปลาน้ำจืด ตั้งอยู่ข้าง ๆ กับพระอุโบสถ ภายในมีบ่อปลาหลายชนิดและมีปลาขนาดใหญ่ น้ำหนักเฉลี่ยถึง 10-20 กิโล โดยทางวัดมีอาหารจำหน่าย นอกจากปลาแล้วหลังวัดยังมีบ่อเต่าขนาดใหญ่ซึ่งมีเต่าและตะพาบน้ำอาศัยอยู่มากมาย
ในส่วนของการชมสวนผลไม้และไม้ดอกจะเป็นทางหลังวัดสักใหญ่ที่ชาวบ้านปลูกกันไว้ โดยมีผลไม้มากมายหลายหลากชนิด เช่น ส้มโอ ขนุน มะม่วง มะพร้าวอ่อน ชมพู่ และไม้ดอกไม้ประดับหลายชนิด นักท่องเที่ยวสามารถเลือกชมและซื้อหากลับบ้านได้

บรรยากาศภายในวัด









วัดโพธิ์ บางโอ

วัดโพธิ์ บางโอ ตั้งอยู่ในถนนเส้นบางกรวย-ไทรน้อย ตำบลวัดชลอ หรือ หากไปทางน้ำต้องเดินจากท่าเรือเข้าไปประมาณ 200 เมตร  เป็นวัดเก่าในสมัยอยุธยา ได้รับการบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 3  โดยกรมหลวงเสนีบริรักษ์ (ต้นสกุล  เสนีวงศ์) พระโอรสในกรมพระราชวังหลัง 
     พระอุโบสถ ทำชายหลังคาของพาไลรอบพระอุโบสถแบบวัดพระศรีรัตนศาสดาราม  หน้าบันสลักไม้รูปนารายณ์ ทรงครุฑลายกนกขมวดเกี่ยวพันกัน เบื้องหลังมีเทพพนมและยักษ์พนม  ซุ้มประตูทางเข้าวัดทำเป็นหัวเม็ด เป็นเสาสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง สูงขึ้นและเอนเข้าหากัน เพื่อเป็นการรับน้ำหนักของตัวอาคาร  เสาใกล้จะถึงส่วนหลังกำแพงแก้วมีบัวหงายรองรับอีกต่อหนึ่งแปลกตากว่าที่อื่น  เป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย  ลักษณะศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย  สังเกตได้จากซุ้มเสมาทรงกลมตลอด  ฐานของซุ้มก็ทรงกลมตัวซุ้มแหวะ เป็นช่องหน้าต่างสามช่อง  ทรงยอดโค้งคล้ายซุ้มจระนำ หันหลังชนกันสามทิศ ข้างบนมียอดเล็กๆ ปั้นปูนลวดลายงดงาม รับกับบัวยอดซุ้มและแข้งสิงห์เบื้องล่าง  ศิลปะรูปปั้นงามนี้เป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลายลักษณะลวดลายบ่งชัดว่าเป็นฝีมือช่างสมัยพระบรมโกศ  ใบเสมาเป็นหินทรายทำรูปหัวนาคออกสองข้างเอวเสมาเหมือนกันแต่ทรงด้านบนอวบอ้วน ใบเสมาแบบนี้อายุเก่ากว่าใบเสมาสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ ใบเสมาช่วงหลังจะทรงเพรียวกว่า มีเจดีย์ทิศล้อมรอบตัวพระอุโบสถทั้งสี่ด้าน ซุ้มบันแถลงประดับกรอบประตูหน้าต่างทำจากปูนน้ำอ้อย 
     บานประตูพระอุโบสถทั้งหน้าและหลังมีด้านละสองบาน ปั้นปูนซุ้มประตูเป็นรูปฤาษีพนมและบางซุ้มก็ทำรูปเทวดารำอยู่กลางซุ้ม เข้าใจว่าเป็นฝีมือปฏิสังขรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 3   บานประตูเขียนลายทองรูปกนกใบเทศลายละเอียดมาก  บนหน้าต่างก็เขียนลายทอง คือเป็นลายรดน้ำเช่นเดียวกับประตู  ภายในพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมแป้งสาคูเปียกฝีมือช่างสกุลนนทบุรี ภาพระหว่างช่องหน้าต่างเขียนรูปปริศนาธรรม  ผนังด้านซ้ายพระประธาน เขียนรูปพระปลงกัมมัฏฐานในลักษณะหลายแบบหลายวิธี  ผนังด้านหน้าเขียนรูปพุทธประวัติแสดงถึงพระราชกรณียกิจต่างๆ ของพระพุทธองค์  พระพุทธรูปในพระอุโบสถ ปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่หน้าพระอุโบสถยังมีรูปสลักหินทำจากเมืองจีน  คล้ายเป็นรูปยักษ์รักษาวัด ตนหนึ่งหน้าดุอีกตนหนึ่งหน้ายิ้ม มือถือกระบองด้วยกันทั้งคู่เป็นศิลปะอันงดงามเป็นของประจำวัด  ซึ่งตามวัดในอาณาบริเวณแถบนี้ไม่มีภาพสลักชนิดนี้ 
     หอระฆังวัดโพธิ์บางโอ หอระฆังที่วัดนี้เป็นสกุลช่างเมืองนนทบุรีทั้งหมด  พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชชนนีเป็นสกุลฝ่ายเมืองนนทบุรี จึงทรงอุปการะการสร้างวัดในเขตนนทบุรี แบบมณฑปยอดเจดีย์ผสมกันระหว่างหอสูงรูปสี่เหลี่ยมและเจดีย์ย่อมุม

ภาพบรรยากาศในวัด








ของo-topของตำบลวัดชลอ

ขึ้นชื่อว่าตำบลเราต้องนึกถึง1อำเภอ1ตำบล หรือก็คือ  o-top
ลองเข้าไปเลือกชมได้ที่เว็บไชด์นี้เลยhttp://www.thaitambon.com/tambon/120201

วัดกระโจมทอง

วัดกระโจมทอง ตั้งอยู่ที่ ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ทางเข้าอยู่ฝั่งตรงข้ามวัดสวนใหญ่ ที่นี่มีหลวงพ่อพระสุทัศน์ โกสโล เป็นเจ้าอาวาสวัด บรรยากาศวัดร่มรื่นต้นไม้เยอะมีองค์พระสวยงามมากมาย มีงานบุญบ่อยสามารถมาร่วมทำบุญได้ทุกวันสำคัญทางพุทธศาสนาและวันสำคัญของทางวัด


ทางเดินในวัด


พระใหญ่


ธรรมจักร


สมเด็จองค์พระปฐมสิกขีทศพล(ญาณที่ ๑)



วัดชลอ

วัดชลอ สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ทั้งนี้เนื่องจากกรมศิลปกรได้วิเคราะห์อุโบสถหล้งเก่าน่าจะมีอายุประมาณ ๖๐๐ กว่าปีล่วงมาแล้วในสมัยพระเจ้าอู่ทอง (สมเด็จพระบรมราชาธิบดีที่ ๑) เหล่าพลทหารไพร่พลของพระองค์ได้เคยมาพักรอรับการเสด็จบำเพ็ญพระราชกุศลที่วัดชลอนี้ ครั้นเมื่อเรือพระที่นั่งมาถึง ได้จัดสร้างกระโจมตั้งเสาที่มีการเจาเใส่ทองไว้ภายในสำหรับตั้งที่ประทับ ณ บริเวณนี้ ซึ่งในขณะนั้นเป็นลานกว้าง ประมาณ ๕๐ ไร่ ซึ่งอยู่ห่างจากวัดชลอไป ทางทิศตะวันออกประมาณ ๗๐๐ เมตรนอกจากนี้ คลองบางสีทอง ซึ่งเป็นคลองเก่าแก่อยู่ไม่ไกลจากวัดชลอ เล่ากันว่าได้รับพระราชทานนามจากพระเจ้าอู่ทอง ที่ได้เสด็จผ่านบริเวรดังกล่าวประดุจดังหนึ่งเป็นสีทอง เกิดขึ้้นในบริเวณนั้น เล่ากันว่า ในระยะเวลาดังกล่าว วัดชลอมีความเจริญรุ่งมากมีอีกตำนานหนึ่งเล่ากันว่า เมื่อประมาณพุทธศักราช ๒๐๒๑ พระบาทสมเด็จพระะจ้าอยู่หัวบรมโกศ เสด็จ ทางชลมารคมาตามลำน้ำเจ้าพระยา ผ่านจังหวัดนนทบุรี เรือยมาทางคลอง "ลัด"(ปัจจุบันเรียกว่า "คลองบางกรวย") ทรงทอดพระเนตร ๒ ฟากคลองซึ่งในเวลานั้นยังไม่มีถนนหนทางเหมือนปัจจุบัน ทรงดำริว่า "ทีตรงนี้น่าจะสร้างวัดมาสักวัดหนึ่ง ชาวบ้านจะได้มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ" บรรดาเหล่าเสนาอำมาตย์น้อยใหญ่ได้ฟังต่างพากันตกใจกลัว จึงได้ตรัสถามว่ากลัวอะไร ก็ได้ทรงรับคำกราบบังคมทูลว่า "ที่ตรงนี้มีอาถรรพ์ ในอดึตกาลเคยมีเรือสำเภามาจากเมืองจีนมาเมืองไทย เมื่อมาถึงนี้ได้เกิดอับปางลงด้วยแรงพายุจัด มีคนตายเป็นอันมาก ที่บริเวณดังกล่าว ทำมาค้าขายไม่ขึ้น แถมยังก่อให้เกิดหายนะแก่บริเวณนี้" เหล่าเสนาอำมาตย์พากันทูลถวายเรื่องราวในอดีตให้พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงทราบ แทนที่จะทรงเห็นด้วยตามอำมาตย์กราบบังคมทูล พระเจ้าอยู่บรมโกศ มรงมีรับสั่งว่าสร้างเสียตรงนี้แหละดี เรื่องร้าย ๆ จะได้ไม่เกิดขึ้น ชาวบ้านจะได้มีที่ทำกินเพิ่มขึ่นการสร้างวัดบริเวณดังกล่าว เป็นไปอย่างยากลำบากมีอุปสรรคนานับปการจนทหารที่มาช่วยกันก่อสร้างถึงกับท้อถอยหมดกำลังใจ บางคนถึงกลับหนีกลับกรุงศรีอยุธยาไปเลยก็มี ในที่สุดการสร้างวัดดังกล่าวก็ได้สำเร็จลง แต่เรื่องราวลึกลับยังไม่จบสิ้นง่าย ๆ เพราะในคืนนั้นได้เกิดเหตุอาเพศฝนตกหนัก ฟ้าผ่าลงกลางโบสถ์นับเป็นเรื่องอัศจรรย์ใจไม่น้อย พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงประกอบพิธีเสี่ยงสัตยาธิษฐานกับเทพยดาฟ้าดินว่า มาตรแม้พระองค์มีบุญญาภินิหารจริงขอให้บอกเหตุการณ์แก้เคล็ดด้วย และในคืนนั้นเองพระองค์ทรงสุบินนิมิตไปว่า มีชายชาวจีนชรามากกราบทูลขอให้พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงปลดปล่อยพวกตนซึ่งเป็นผีตายโหงเพราะเรือล่ม พระองค์ได้ทรงตรัสไปว่า จะทำอย่างไรขอให้บอก ชายชราชาวจีนได้กราบบังคมทูลว่า อยากให้พระองค์สร้างวัดที่ตรงนี้อีก แต่ทุกอย่างต้องเป็นตามเคล็ดนั่นคือสร้างโบสถ์เป็นรูปเรือสำเภา หากสร้างเป็นอี่นกลัวโดนฟ้าผ่าอีกแน่นอน เมื่อทรงตื่นจากบรรทม ก็ทรงเชื่อว่าความฝันนั้นเปรียบเสมือนลางบอกเหตุ เป็นการเตือนจากวิญญาณของภูตผีปีศาจที่สิ่งสถิตอยู่ ณ ที่นี ในที่สุด วัดที่มีโบสถ์เป็นรูปเรือสำเภาก็ได้สร้างแล้วเสร์จในคราวนี้โดยไม่มีเหตุอาเพศใด ๆ เกิดขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปด้วยความราบรื่นพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้ทรงพระราชทานนามวัดกล่าวว่า "วัดชลอ" นี้คือตำนานที่มาของวัดที่ต้องคำสาป เพราะหลังจากนั้นเป็นต้นมา วัดชลอก็ถูกปล่อยให้รกร้างว่างเปล่าโดยตลอดมา เพิ่งจะมีพระภิกษุมาจำพรรษา ในสมัยรัชกาลที่ ๓ หรือรัชกาลที่ ๔ นั่นเอง จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ตามลำดับในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงมีรับสั่งให้ขุดคลองติดต่อกับวัดชลอ ปัจจุบันคือคลองบางกอกน้อย คลองมหาสวัสดิ์ (น่าจะเป็นคลองบางกรวยกับวัดชลอมากกว่า เพราะคลองบางกอกน้อยส่วนที่เรียกว่า คลองวัดชลอ ขุดใน พ.ศ.๒๑๐๐ สมัยสมเด็จพระมหาจ้กรพรรดิ และคลองหมาสวัสดิ์ขุดในสมัยรัชกาลที่ ๔ ในสมัยนั้นน้ำในคลองที้งสองแห่งไหลเชี่ยวมากเป็นคลองสองแยก เรือพ่ายผ่านไปมาเกิดอุบัติเหตุทางน้ำชนกันบ่อย จึงได้เขียนป้ายบอกไว้ "ช้ารอ" จึงกลายมาเป็นที่มาของวัดว่า "ชลอ" ในปัจจุบันในสม้ยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เล่ากันว่า พระองค์ทรงเสด็จ ฯ มาตามคลองบางกอกน้อยผ่าน "วัดไก่เตี้ย ไก่ต้อย วัดนัอย วัดพิกุลทอง วัดชลอ "..ทั้งนี้เพรวะวัดชลอตั้งอยู่ริมน้ำ มีเจดีย์สวยงามสถานที่ร่มรื่น นอกจากนี้แล้วสมเด็จพระนางสุนันทากุมารมารีรัตน์ ( พระนางเรือล่ม ) ยังทรงเคยเสด็จประพาสทางน้ำมาจอดเรือที่วัดชลอและได้ถวายธรรมมาสน์บุษบกและธรรมมาสน์สวดไว้ ๑ ชุด


ภาพวัด



ส่วนเรือหงส์


โบสถ์


โบราณสถานวัดชลอ

วัดท่าบางสีทอง

วัดท่า บางสีทอง ตั้งอยู่เลขที่ ๓๑ หมู่ ๑๐ ถ.บางกรวย-ไทรน้อย
ต.วัดชลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี
ตั้งวัดเมื่อ พ.ศ.๒๓๗๑ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ.๒๓๗๒ เจ้าอาวาส พระอธิการสมพร อควํโส (หมอยา) อยู่หน้าไปรษณีบางกรวย วัดท่าบางสีทองนั้นมีหลวงพ่อสัมประสิทธิ์เป็นพระพุทธรูปประจำวัดซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในวัดท่าบางสีทอง และยังมีต้นตะเคียน2ต้น ซึ่งผู้คนต่างถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน จุดเด่นของวัดท่าบางสีทอง คือ หลวงพ่อสัมประสิทธิ์


ทางเข้าวัดท่าบางสีทอง



ภาพแนว Panorama
โบสถ์

วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2559

วัดกล้วย

วัดกล้วย ตั้งอยู่ที่ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี อยู่ใกล้เคียงกับโรงเรียนบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนี)นนทบุรี จากที่ได้ศึกษาประวัติความเป็นมาของวัดกล้วยจากผู้รู้ที่เล่าต่อๆกันมาได้ความว่า"มีคุณยายสองท่านผู้ซึ่งมีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนาต้องการที่จะใช้ทรัพย์สมบัติของท่านในการสร้างพุทธศาสนสถานขึ้นเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คน คุณยายทั้งท่านแรกมีชื่อว่า กล้วย คุณยายท่านที่สองชื่อว่า ม่วง ได้แบ่งกันว่าจะสร้างวัดตรงไหน จึงใช้ลำประดงโดยการวางลำประดงตามแนวขวางในการแบ่งทิศที่จะสร้างวัด คุณยายกล้วยได้เลือกทิศฝั่งซ้ายซึ่งนั้นก็คือทิศเหนือซึ่งก็กลายเป็นที่ตั้งวัดกล้วยในปัจจุบัน ส่วนคุณยายม่วงเลือกฝั่งขวาซึ่งเป็นทิศใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดม่วงแต่วัดม่วงไม่ปรากฎว่าอยู่ที่ใด
จุดเด่นของวัดกล้วย คือ การบริการพุทธศาสนิกชนโดยการใช้สถานที่ของวัดได้โดยไม่เก็บเงินขั้นต่ำเหมือนวัดอื่นตามระแวกนี้ จึงทำให้วัดกล้วยจัดงานต่างๆบ่อย เช่น งานทำบุญครบรอบวันตาย งานศพ






วัดสวนใหญ่

วัดสวนใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.2375 ยุคต้นรัตนโกสินทร์ เดิมเป็นวัดป่าทึบประชาชนในละแวกนี้ ร่วมมือร่วมใจกันพัฒนา แล้วสร้างขึ้นมา ในระยะแรกถูกเรียกว่า "วัดใหม่" เมื่อล่วงเลยนานไป การก่อสร้างศาสนวัตถุมีมากขึ้นประชาชนจึงขนานนามวัดว่าวัดสวนใหญ่ ความหมายคงหมายถึง วัดที่ตั้งอยู่ในสวนที่กว้างขวาง ได้รับราชทานวิสุงคาม เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2380 เขตวิสุงคาม กว้าง 25 เมตร ยาว 38 เมตร ผูกพันธสีมา เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2328 มีเจ้าอาวาสคนปัจจุบัน คือ พระครูวิสุทธิจริยาภรณ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2520
จุดเด่นของวัด คือ หอระฆังสีทองของวัด
วัดสวนใหญ่ ตั้งอยู่ที่ ตำบลวัดชลอ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี